ภาพยนตร์เรื่องนี้เคยเป็นทีวีซีรีย์สุดฮิตในทศวรรษ 1990 เล่าเรื่องราววีรกรรมของไลฟ์การ์ดผู้เสียสละทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่ มิตช์ บูแชนนอน ที่ไม่ค่อยลงรอยกับลูกทีมคนใหม่ แมตต์ โบรดี้ แต่ทั้งคู่ต้องร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งอาชญากรรมท้องถิ่นที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อชายหาดแห่งนี้
ต้นฤดูร้อนในอริโซน่า หนุ่มสาวจำนวนมากมายได้มาเริงร่าอาบแดดปาร์ตี้ฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกาฯ ที่ริมทะเลสาบวิคตอเรีย ในขณะที่ทุกคนกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น พื้นทะเลสาบวิคตอเรียได้แยกออก และฝูงปลาปิรันญ่าดึกดำบรรพ์ที่ถูกกักขังไว้ใต้ท้องทะเลสาบนานนับศตวรรษได้หลุดออกมาอาละวาด มันเป็นปิรันญ่าที่มีฟันคมเหมือนมีด เต็มเปี่ยมไปด้วยสัญชาตญาณกระหายเลือด ออกล่า และรุมแทะทุกอย่าง จนเหลือแต่กระดูกขาวโพลนในพริบตา ปาร์ตี้ริมทะเลสาบอาบทะเลเลือดในวันเฉลิมฉลอง พวกเขาจะรอดพ้นจากปิรันย่าสุดโหดนี้ได้หรือไม่ ติดตามได้ใน PIRANHA 3D
"ทอม ริปลีย์" (แมตต์ เดมอน) ชายหนุ่มมาดดีที่ใครต่างชื่นชอบในความสามารถและอุปนิสัย เขาได้รับการว่าจ้างจากมหาเศรษฐีให้ตามหาตัว "ดิ๊กกี้" (จูด ลอว์) ลูกชายจอมเสเพลที่อิตาลีเพื่อพากลับบ้านที่อเมริกา เมื่อทอมได้พบกับดิ๊กกี้และได้พบชีวิตแสนสำราญของดิ๊กกี้และแฟนสาวสวยอย่าง "มาร์จ เชอร์วู๊ด" (กวินเน็ธ พัลโทรว์) ทอมเกิดความคิดอยากจะได้ชีวิตของดิ๊กกี้มาเป็นของเขา แม้ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
หญิงสาวตกเป็นเชลยของเจ้าพ่อมาเฟียจอมบงการที่กักขังเธอไว้ และให้โอกาสเธอตกหลุมรักเขาภายในหนึ่งปี
เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ไอเดียค่อนข้างเจ๋ง ไม่ต่างจากหนัง Final Destination หรือ Predestination ซึ่งคล้ายแต่ไม่เหมือน แตกต่างแต่ก็ใกล้เคียง เหลื่อมหล้ำกันอยู่ ดูสนุกตื่นเต้นไปกลับสถานการณ์ปวดหัวและคาดไม่ถึง ประหนึ่งพาเราเที่ยวแดนเนรมิตระหว่างช่วงเวลาตาย-ไม่อยากตาย โดยพล๊อตเรื่องแปลรูปปรัมปราคติเรื่องกษัตริย์ซิซีฟัสต้องสาป อะเด๊ปร่วมกับตำนานเทพเจ้าแห่งลมหรือเอโอลิส เนรมิตโครงเรื่อง แบบโกงความตาย นำเอาแรงปรารถนาของซิซีฟัสที่อยากพ้นไปจากคำสาป ทำให้เจสดิ้นรนโกงความตายครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านแรงปรารถนาที่อยากจะมีชีวิตและเริ่มต้นแม่ที่ดีใหม่ ประหนึ่งว่าถ้าซิซีฟัสไม่ง่วนอยู่กับการแบกหินไปตลอด เขาก็คงหาอุบาย ล่อหลอกเทพเจ้าได้สำเร็จ ซึ่งเราอาจเห็นทางออกจากวงกตของเจสก็ได้ ถ้าเธอมีเวลาไตร่ตรองยอมรับว่าตายแล้ว
All Is Lost ภาพยนตร์ทริลเลอร์กลางมหาสมุทรสุดระทึก ว่าด้วยเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดท่ามกลางสภาพดินฟ้าอากาศที่โหดร้ายหลังจากเรือยอชท์ของเขาเกิดอับปางกลางทะเล จากการเขียนบทและกำกับโดยผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ เจซี แชนเดอร์ (Margin Call) พร้อมดนตรีประกอบอันโดดเด่นโดย อเล็กซ์ อีเบิร์ต ในภาพยนตร์ที่สุดระทึกและทรงพลัง
ในทริปทัวร์ยุโรปที่รอคอยมานาน ตำรวจจากนิวยอร์กซิตี้กับภรรยาช่างทำผมต้องผจญเรื่องอลหม่านและช่วยกันไขปริศนาคดีฆาตกรรมบนเรือยอตช์ของมหาเศรษฐีพันล้าน
งานปาร์ตี้วันเกิดครบรอบ 60 ปีของมหาเศรษฐีร้านค้าปลีกได้รับการเฉลิมฉลองในโรงแรมสุดพิเศษบนเกาะไมโคนอสของกรีก
สามีภรรยาที่ล่องเรืออยู่กลางทะเล และได้พบกับชายคนหนึ่งที่รอดชีวิตจากเรืออับปาง โดยหนังถูกขับเคลื่อนผ่าน 3 นักแสดงพร้อมกับหนึ่งโลเคชั่น ในรูปแบบของหนังระทึกขวัญเชิงจิตวิทยา ที่คนดูจะสนุก ตื่นเต้นไปกับช่วงจังหวะชิงไหวชิงพริบของตัวละคร เมื่อฝ่ายหนึ่งพยายามปกปิดความจริงอันน่ากลัว แต่อีกฝ่ายกลับพยายามที่จะขุดคุ้ยมัน
เบาะแสชิ้นใหม่จุดประกายความหวังให้นักล่าสมบัติอับโชคออกตามล่าขุมทรัพย์ในตำนานที่สาบสูญอยู่ใต้ทะเล พร้อมลองเสี่ยงกู้ชีวิตคู่ที่เคยล่มอีกครั้ง
เมื่อ เซบาสเตียน บอก ซัลโว คุณพ่อสุดหัวโบราณที่เป็นชาวอิตาเลียนอพยพ ว่าเขาจะแต่งงานกับแฟนสาวอเมริกัน, ซัลโวยืนกรานว่าขอลองไปเยี่ยมบ้านครอบครัวลูกสะใภ้ซักช่วงสุดสัปดาห์ดูซักครั้ง แม้ว่าครอบครัวทั้งสองฝั่งจะต่างกันจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลยก็ตาม
การล่องเรือยอทช์ปาร์ตี้สุดหรูในช่วงสุดสัปดาห์กลายเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับกลุ่มเพื่อนเก่าสมัยมัธยม เมื่อพวกเขาติดอยู่ในน้ำห่างจากฝั่งหลายไมล์ และการได้กลับมาพบกันอีกครั้งอย่างมีความสุขกลายเป็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
The BBC's answer to Dynasty, Howards' Way was launched in 1985 with an enormous 1 million pound budget. The main characters in the show were 'best boat designer in the world' Tom Howard, his boutique running wife Jan Howard, 'I'll have a drink' Jack Rolfe and a nasty man called Ken Masters. It starred Maurice Colbourne.
Capt. Glenn Shephard and his crew set sail in a luxury sailing yacht to explore the crystal-clear blue waters of the Ionian Sea. The physicality of working on a sailing yacht brings new challenges to these young, attractive and adventurous yachties who are ready to work hard and play harder.
The upstairs and downstairs worlds collide when this young and single crew of "yachties" live, love and work together onboard a luxurious mega yacht while tending to the ever-changing needs of their wealthy, demanding charter guests.
What can be said about Yacht Rock that hasn't been said by various magazines, newspapers and disc jockeys across the country? J.D. Ryznar and Hunter Stair's saga detailing the unknown mythical origins of a previously obscure genre of music struck the audience like a lightning bolt on its first episode, much like fellow 101 breakout House of Cosbys. Unlike HoC, however, Yacht Rock was never sued by its iconic characters' real life counterparts. In fact, it is said that at one time or another, just about every musician lovingly portrayed in the series has witnessed and enjoyed it behind closed doors. Yacht Rock enjoyed success on levels and in ways previously unattained by 101 shows, its title becoming a household phrase at radio stations, a bin at your local record store and a category on iTunes. But beneath its pop cultural triumph was an artistic one that often went undescribed: Yacht Rock's stories were always clever and sometimes downright genius in their assembly, weaving trivi...
